April 27, 2024

รู้เท่าทันโรค อีสุกอีใส โรคเสี่ยงที่เราสามารถเลี่ยงได้

สำหรับโรคอีสุกอีใสจะเป็นโรคติดต่อที่ส่วนใหญ่สามารถพบได้ในวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี และโรคนี้มักจะระบาดมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากโรคนี้จะเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ด้วยการสัมผัสเชื้อเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่า เคยเป็นโรคนี้มาแล้วแต่ก็สามารถเป็นได้อีก และโรคอีสุกอีใสจะมีการพัฒนาสายพันธุ์ ให้มีความรุนแรงมากกว่าเดิม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายไม่ควรชะล่าใจกับโรคนี้อย่างเด็ดขาด ทางที่ดีควรรู้จักวิธีการป้องกัน วิธีการรักษาจะดีที่สุด

โรค อีสุกอีใส เกิดจากสาเหตุใด

สำหรับโรคอีสุกอีใสจะเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (Varicella Virus) หรือ Human Virus Type3 ซึ่งจะเป็นเชื้อไวรัสชิดเดียวกันกับเชื้อที่ทำให้เกิดงูสวัด โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสตุ่มพองของผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใส หรือการสัมผัสของใช้ เช่น แก้วน้ำ ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า หรือที่นอน เป็นต้น รวมทั้งการสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำดังกล่าวเข้าไปในร่างกายผ่านเข้าทางเยื่อเมือก และเชื้อไวรัสนี้จะมีระยะฟักตัวประมาณ 10 – 20 วัน

สำหรับผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใสในขั้นรุนแรง หรือผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงมากเพียงพอ อาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนบนผิวหนังได้ อาจจะก่อให้เกิดหนอง หรือมีแผลเป็นตามตัว บางรายที่ติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อน อาจจะทำให้เชื้อเหล่านั้นกระจายเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษและปอดบวมได้เลยทีเดียว

อาการของโรค อีสุกอีใส

  1. อ่อนเพลีย มีไข้ รู้สึกเบื่ออาหาร มีอาการเมื่อยเนื้อตัว ซึ่งจะเป็นอาการที่คล้ายคลึงกับอาการไข้หวัด และรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวประมาณ 2 – 4 วัน
  2. เริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามตัว รวมทั้งผื่นอีสุกอีใส ซึ่งผื่นของอีสุกอีใสนั้นจะมีอาการคันเป็นอย่างมาก และส่วนใหญ่ผื่นจะขึ้นในบริเวณใบหน้าและลำตัวก่อน จากนั้นจะค่อย ๆ ลามไปที่แขนและขา ในบางรายอาจจะเกิดขึ้นในเยื่อบุช่องปาก รวมทั้งผิวหนังของอวัยวะเพศภายนอก แต่ผื่นเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตามระยะต่าง ๆ ของอาการ และจะมีระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
  3. หลังจากที่มีผื่นอีสุกอีใสขึ้นประมาณ 1 – 2 วัน ผื่นแดงที่เป็นอยู่จะกลายเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำ และจะตกสะเก็ด โดยตุ่มน้ำจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับหยดน้ำที่อยู่ด้านบนผิวหนังที่แดง และเมื่อระยะเวลาผ่านไป ตุ่มน้ำจะโตเต็มที่จนกลายเป็นตุ่มหนอง
  4. หลังจากที่ตุ่มน้ำสีใสขึ้นทั่วทั้งตัวแล้ว จากนั้นตุ่มน้ำจะค่อย ๆ ยุบและแห้งลง จากนั้นจะกลายเป็นสะเก็ดที่รอเวลาหลุดออก ในส่วนระยะเวลารอให้ตุ่มน้ำแห้งจะใช้เวลาประมาณ 3 วันด้วยกัน หลังจากนั้นจะเป็นเวลาที่รอให้สะเก็ดแผลแห้ง และค่อย ๆ หลุด จนกลายมาเป็นผิวหนังแบบปกติ ซึ่งโดยรวมแล้วระยะเวลาของโรคอีสุกอีใส จะใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 2 สัปดาห์ด้วยกัน

การป้องกันโรคอีสุกอีใส

  • ฉีดวัคซีนช่วงอายุ 1 ปี เด็กในวัย 1 ปี จะสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสเข็มแรกได้ และการรับวัคซีนเข็มสองจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 4 – 6 ปี ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นวัยที่พบการติดเชื้อได้มากที่สุด แต่หากในกรณีที่มีความเสี่ยง หรือมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน จะสามารถฉีดเข็มสองได้ทันที แต่จะต้องมีระยะเวลาห่างจากเข็มแรกประมาณ 3 เดือน
  • ฉีดวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี สำหรับเด็กในวัยนี้แต่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ทันที และจะต้องฉีดเข็มสองระยะเวลาห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
  • ฉีดวัคซีนสำหรับเด็กที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 13 ปีขึ้นไป จะสามารถเข้ารับวัคซีนได้เช่นกัน แต่การฉีดวัคซีนเข็มสองจะต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 1 เดือน

ถึงแม้ว่าโรคอีสุกอีใสจะไม่น่ากลัว หรือไม่เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต และสามารถหายเองได้ในเวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่หากคุณเป็นแล้ว อาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่ติดตัวไปตลอดชีวิต ดังนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคจะถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยป้องกันการเกิดอีสุกอีใสได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถฉีดได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่เลยทีเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.rattinan.com/liposuction/